ไลโอ โคตรแย้ยักษ์
สำหรับเรื่องราวใน ‘ไลโอ โคตรแย้ยักษ์’ เริ่มเมื่อเก้า (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ศิลปินหนุ่ม “hip hop” ตกอับ และ เจน (ณัฐชา เดอซูซ่า) แรปเปอร์รุ่นน้องถูกอัปเปหิจากวงการหลังผิดใจกับผู้จัดการทรงอิทธิพลได้กลับบ้านเกิดที่จังหวัดเลยเพื่อร่วมงานศพคุณปู่ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะเจาะกับที่ ฝน (ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์) ยูทูบตัวท็อปเบอร์ต้นๆของประเทศเพื่อนสาวสมัยเด็กจัดงานแข่งหาแหล่งน้ำในทุ่งตะวันแยงเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท เก้า เจนและโย (ศุภชัย สุวรรณอ่อน) ลูกน้องเก่าของปู่ มาร่วมทีมขุดเจาะน้ำบาดาลชิงเงินรางวัลครั้งนี้โดยไม่รู้เลยว่า ณ ทุ่งตะวันแยงแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดที่รอเอาชีวิตพวกเขาอยู่
ยอมรับตามตรงว่าตอนเห็นตัวอย่างหนังก็ทำให้นึกภาพถึงหนังมอนสเตอร์ในตำนานอย่าง ‘Tremors’ หรือชื่อไทย ‘ฑูตนรกล้านปี’ หนังเกรดบีฮอลลีวูดที่ชูจุดเด่นของมอนสเตอร์หนอนยักษ์ใต้ดินเล่นกับคาแรกเตอร์จัด ๆ ของเหล่าตัวละครที่ดูห่างไกลจากฮีโรและการดำเนินเรื่องในทะเลทรายอันแสนร้อนแห้งแล้งถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันก็เพื่อเล่นกับความเหลื่อมล้ำว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์ต่างหากที่ไปรุกล้ำที่อยู่อาศัยของพวกมันและทำการทดลองเล่นบทพระเจ้าจนต้องหาทางเอาชีวิตรอด
แต่กับ ‘ไลโอ’ ส่วนตัวหนังนั้นไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารอะไรกับเรามากนักนอกจากฉากเปิดเรื่องก็ไม่มีอะไรที่จะสื่อถึงแฟนๆเลย และ อีกอย่างพยายามแสดงความโหดของเจ้าสัตว์ประหลาดลึกลับแล้ว หนังก็ไม่ได้ไปขุดลึกหรือพยายามพูดถึงเจ้าแย้ ทั้งในฐานะสัตว์ประจำถิ่นหรือไปกล่าวถึงความผิดปกติที่มนุษย์กระทำจนมันกลายเป็นมอนสเตอร์ประจำเรื่อง ส่วนหนึ่งก็ทำให้มันดูลึกลับดีแต่กับคนดูหนังที่ต้องการข้อมูลสักหน่อยว่าเอ้อ … มันโดนสารเคมีหรืออะไร หรือคิดอีกแบบหนึ่งมันอาจจะคิดแก้แค้นมนุษย์ที่จับมันย่างกินอะไร หนังก็ไม่ใส่ใจจะบอกเล่าตรงนี้นักเลยทำให้สถานะของมันไม่น่าจดจำเท่าไหร่ในแผนภูมิมอนสเตอร์บนจอภาพยนตร์
แต่หนังกลับพยายามตีความหมายชีวิตของตัวละครนั้นก็คือ (เก้า) ไปในทางสำนึกรักบ้านเกิด ก็กลายเป็นหนังคนละม้วนและยิ่งไปกันใหญ่เมื่อเขาและเจนเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเลย แล้วหนังพยายามโยงกลับไปฉากแฟลชแบ็กในอดีตที่เกี่ยวพันกับคุณปู่ที่เคยถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เรื่องการใช้ชีวิตโดยอาศัยความรู้และทักษะการขุดเจาะน้ำบาดาลรวมถึงการพบกันสมัยวัยเยาว์ของเก้ากับฝนเพื่อพยายามปูให้เราผูกพันกับเก้า เพื่อปูว่าเขามีความรู้มากพอจะเข้าแข่งขันในครั้งนีั้
และอีกจุดหนึ่งคือซีนดราม่าที่โยงมาจาก “flash back” คือปมที่ทำให้เก้าหนีจากบ้านเกิดเพื่อไปเป็นศิลปินในกรุงเทพ ซึ่งตรงนี้ยอมรับเลยว่า กอล์ฟ-พิชญะ ให้การแสดงที่เราพอจะอยากเอาใจช่วยตัวเอกอยู่บ้าง ทั้งการแสดงความผิดบาป ความโกรธและความน้อยใจปู่ของเขาที่แฟลชแบ็กพยายามปูมา แม้จะต้องยอมรับล่ะว่าการคัดเลือกนักแสดงในฉาก “flash back” ทั้งตัวเก้าและฝนนี่แทบไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับนักแสดงตอนโตเลยจนเหมือนฉากโฆษณาสำนึกรักบ้านเกิดที่มาแทรกอยู่ในหนังอย่างแปลกปลอม
ถ้ามองในภาพรวมแล้วต้องบอกเลยว่า ‘Leio’ ยังไม่ใช่งานหนังมอนสเตอร์ที่เราจะบอกต่อได้ว่าเป็นหนังดูสนุกหรือยอดเยี่ยม แม้เราจะแอบเชียร์ตอนเห็นโฉมแรกของมันก็ตาม หรือกระทั่งงานซีจีที่อุตส่าห์พะยี่ห้อ Fat Cat Studio ก็ยังยอมรับว่าดูไปก็อดส่ายหัวไปไม่ได้ (ขออภัยด้วยที่ต้องพูดตรง ๆ นะครับ)
แต่ก็ยังคาดหวังกับงานชิ้นต่อไปของสร้าง “film movie” นะครับทั้ง ‘แสงกระสือ ๒’ หรือ ‘The 100’ ที่จะให้ “Importance” กับบทภาพยนตร์มากขึ้นโดยเฉพาะการที่มันต้องพ้นกับดักว่าหนังไทยต้องขายตลก ที่กลายเป็นจุดทิ่งแทงให้หนังปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สเรื่องแรกของไทยกลายเป็นงานที่เราไม่อาจแนะนำให้ใครดูได้อย่างเต็มปาก
รับชมตัวอย่างหนัง : ไลโอ โคตรแย้ยักษ์
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim