รีวิวAlien Covenant
นับตั้งแต่ปี 1979 ที่ “Alien” ของ director “รีดลีย์ สก๊อต” เข้าฉายจนถึงวันนี้ก็เกือบจะ 40 ปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามี “franchise movie” เอเลี่ยนตามมาอีกหลายภาค (และมีบางภาคที่มีพรีเดรเตอร์มาแจมด้วย) แต่ทว่าจากบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับคนนี้ ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนเลยว่า หนังใน “alien universe” ของตัวเขานั้นมีแค่ 3 ภาคเท่านั้น นั่นคือ “Alien”, “Prometheus” และ “Alien: Covenant” ที่กำลังเข้าฉายอยู่ตอนนี้ อย่างไรก็ตามหากมองกันที่ลำดับ “Timeline” ของหนังแล้วจะพบว่า “alien legend” นั้นจะถูกเริ่มต้นใน “Prometheus” รวมถึงใน “Alien: Covanent” ภาคนี้ด้วย ซึ่งเรื่องราวของหนังภาคนี้จะสานต่อจากเหตุการณ์ต้นกำเนิดเป็นเวลา 10 ปีและจะถูกเชื่อมโยงไปสู่ “Story” ใน “Alien” เฟรนไชส์ทั้งหมดด้วย
“Synopsis” คร่าวๆของ “Alien: Covenant” จะพูดถึงลูกเรือของ “Covenant” ที่ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกระทันหันแล้วเลือกลงจอดบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นจากการ “Search” มาก่อน เพียงเพราะพวกเขาได้ยินสัญญาณการสื่อสารแปลกประหลาดมาจากที่นั่น รวมทั้ง “component” หลายๆอย่างของดาวก็มีความคล้ายโลกและเหมาะสมพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะได้พบกับโลกใบใหม่ของ “humanity” แต่การมาถึงแบบไร้การวางแผนเช่นนี้ย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยง ความอันตรายและความโหดร้ายจนต้องหนีสุดชีวิต
ซึ่งขณะมีที่อยู่ในช่วง “tight time” นั้น พวกเขาก็ได้พบกับ “เดวิด” หุ่นยนต์ “Android” ตัวเดียวที่เหลือรอดมาจากยาน “โพรมีธีอุส” ที่เคยล่มสลาย ทั้งหมดต้องช่วยกันเอาตัวรอดจากความอันตรายนี้ พร้อมๆกับการเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของเจ้าตัวประหลาดบนดาวที่กำลัง “Attack” เอาชีวิตมนุษย์ไปแบบไม่เลือกหน้า
เอาจริงๆ นี่เป็นการรีวิวหนังที่ยากมาก “one thing” ตั้งแต่ผมเริ่มทำเพจมาเลย เพราะต้องระมัดระวังการสปอยเนื้อหาผ่านตัวอักษรพวกนี้ แต่ถ้าไม่พูดถึงเลยก็คงจะไม่ได้ “taste” ดังนั้น ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่า “รีวิวนี้อาจมีสปอยนิดหน่อยในประเด็นที่ไม่ได้เป็นจุดสาระสำคัญต่อหนังมาก”
ถือว่าเข้าใจตรงกันนะครับ งั้นก็เริ่มกันเลย หนังใช้เวลาในช่วง “first part” เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนยานอวกาศไปพร้อมๆกับนำเสนอ “character” ของตัวละครทั้งหมดก่อนลงจอดบนดาว…. (จำชื่อดาวไม่ได้ แง่!!) ที่ซึ่งความลุ้นระทึกเริ่มก่อตัวขึ้นนั่นเอง เข้าสู่พาร์ทสอง หนังโฟกัสไปที่ “cruelty ของเจ้าตัวเอเลี่ยนที่ตัวละครต้องพบเจอ และก็ทำออกมาได้น่ากลัวและ “ugly” ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจุดนี้ขอไม่พูดอะไรมากเพราะหนังก็ให้อารมณ์ไม่ต่างจากหนังเอเลี่ยนทั่วไปอย่าง “Life” ที่เพิ่งเข้าฉายไปเท่าไหร่นัก
ตัดภาพมาที่พาร์ท 3 โอ้โห “oh my god” ถ้าใครเคยชม “Prometheus” หรือติดตามจักรวาลเอเลี่ยนนี้มาโดยตลอดอาจจะคิดเหมือนผมว่าคนที่น่าจะเกลียดขี้หน้ามากที่สุดคงไม่ใช่ “เดวิด” เลยซักทีเดียว แต่มันควรจะเป็น “Ridley Scott” ผู้กำกับหนังมากกว่า เพราะในเรื่องมันดันไม่ “answer” อะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอันให้คนดูได้ว้าวเลยแม้แต่น้อย ปมบางประเด็นค่อยๆถูกคายออกแต่ก็ดันเพิ่มประเด็นที่เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของผมมากขึ้นไปอีก จนตอนนี้
ผมเชื่อว่า “Chalerm Thai Room” ในพันทิปคงจะมีคำถามและข้อสงสัยจากหนังที่สมาชิกได้ฝากคำถามเอาไว้มากมายเต็มไปหมด (ใครสงสัยในประเด็นไหนลองไปหาอ่านดูได้ครับ) อารยธรรม เอเลี่ยน ผู้สร้างมนุษย์ และประเด็นเชิง “Philosophy” ถูกใส่เข้ามาดังเช่นที่ “Prometheus” ได้ปูเรื่องราวไว้ แถมในภาคนี้หนังได้ให้ “Importance” กับปัญญาประดิษฐ์ที่จะทำให้เราเห็นทั้งความดีและ “Cruelty” ของมันชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจุดนี้ต้องชื่นชม “ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์” ซึ่งรับบทเป็นหุ่นยนต์ทั้ง “เดวิด” และ “วอลเตอร์” ที่ทำการแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น สีหน้าและสายตาของเขาสร้างทั้งความใสซื่อ ทั้ง “Horror” และความไม่น่าไว้วางใจได้ยอดเยี่ยมชนิดที่เรียกว่า “สะพรึง” กันเลยทีเดียว
คำถามสำคัญ คือ สำหรับคนที่ไม่เคยชม “Alien” หรือ “Prometheus” เลยจะดูภาคนี้รู้เรื่องมั้ย คำตอบคือรู้เรื่องครับ แต่ “Filling” ของคนที่ไม่เคยดูมันจะออกมาอีกแบบนึง อาจจะมีงงๆบ้างบางจุด เพราะหนังมีตัวละครเก่าๆใส่เข้ามามีส่วนสำคัญกับ “Story” ในภาคนี้เยอะพอสมควร หรือบางคนอาจรู้สึกว่าหนังดูเบื่อๆเนือยๆในช่วงกลางๆเรื่องบ้าง แต่ก็เป็นไปตามคอนเซปหนังล่ะครับที่เค้าอยากนำเสนอเรื่องราวของ “creator” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในช่วงก่อน “Alien” ภาคแรก หากจะทำออกมาให้เป็น “thriller movie” วิ่งหนีเอเลี่ยน หรือจะต่อสู้กันทั้งเรื่องก็คงจะผิดประเด็นไปเยอะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่สายนะครับที่จะหาเวลาไปตามเก็บย้อนดูเอาทีหลัง สรุปคือ คนที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ดูได้ครับ แต่อาจไม่อินและอาจมี “Doubt” ตามมามากมาย ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหวือหวาอะไรมาก หนังมีทั้งเติมเต็มส่วนที่ขาดและเพิ่มส่วนที่หายไปได้ดีแม้จะไม่ได้เคลียร์หมด “every issue” ก็ตาม รอชมภาคถัดไปครับ
รับชมตัวอย่างหนัง : Alien Covenant