รีวิว Gran Turismo
รีวิว Gran Turismo หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปี 2008 ครับ เพราะตอนนั้น เพลย์สเตชัน จับมือกับ ดาเรน ค็อกซ์ (Darren Cox) อดีตผู้บริหารของ Nissan ทวีปยุโรป ร่วมกันทำรายการเรียลิตี ‘GT Academy’ เพื่อคัดเลือกเซียนเกม ‘GT แกร่งทะลุไมล์’ ไปฝีกและแข่งขันขับรถยนต์จริงแบบมืออาชีพ และหนึ่งในผลผลิตจากรายการนี้ก็คือ ยานน์ มาร์เดนโบโร เซียนเกมชาวอังกฤษวัย 19 ปี ที่เอาชนะคู่แข่งกว่า 90,000 คนในปี 2011 ก้าวเข้าสู่การเป็นนักแข่งรถในสังกัดทีม นิสสันท่ามกลางเสียงครหาว่า ‘ไอ้เด็กเล่นเกมเนี่ยนะจะมาแข่งรถ’
จนในที่สุด ปี 2013 มาร์เดนโบโรก็สามารถพาตัวเองและทีม นิสสัน ไปถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าอันดับที่ 3 ในการแข่งขันเลอมังก์ 24 ชั่วโมง (24 Hours of Le Mans) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดโคตรหินได้สำเร็จ ซึ่งพอมีเรื่องดราม่าครบรสไว้ในมือ มีหรือ โซนี่ จะปล่อยเสียของ จริง ๆ โปรเจกต์นี้มีมาตั้งแต่ปี 2013 แล้วล่ะครับ แต่ก็ยืดเยื้อ จนกระทั่งมาถึงปีนี้ เพลย์สเตชั่น โปรดักชั่น ก็เลยสานต่อ โดยได้ นีล บล็อมแคมป์ ผู้กำกับสายแอ็กชันไซไฟจาก ‘District 9’ (2009), ‘Elysium’ (2013) และ ‘Chappie’ (2015) มารับหน้าที่กำกับ
หนังเริ่มเล่าจาก ยานน์ มาร์เดนโบโรห์ (อาร์ชี มาเดคเว) วัยรุ่นครอบครัวชนชั้นแรงงานที่ชื่นชอบในรถยนต์ และชอบเล่นเกม ‘Gran Turismo’ เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ สตีฟ มาร์เดนโบโรห์ (ไจมอน ฮอนซู) พ่อผู้เป็นอดีตนักฟุตบอล มองว่ายานน์เป็นเพียงเด็กติดเกมไร้สาระ จนกระทั่ง แดนนี มัวร์ (ออร์แลนโด บลูม) จาก Nissan ได้ก่อตั้ง ‘GT Academy’ เพื่อคัดเลือกเซียนเกมไปแข่งขันรถมืออาชีพ โดยได้ แจ็ก ซอลเตอร์ (เดวิด ฮาร์เบอร์) วิศวกรและอดีตนักแข่งรถมาเป็นเทรนเนอร์ ยานน์จึงต้องต่อสู้กับอุปสรรคและกระแสวิจารณ์เพื่อไปถึงความฝันอันสูงสุดให้ได้
ด้วยความที่ตัวหนังมีความเป็น ‘หนังจากเกม’ ที่ไม่มีสตอรีอะไรมาแต่เดิม ตัวหนังก็เลยเอารายละเอียด และ ไข่อีสเตอร์ (Easter egg) ฉวยเอากลิ่นอาย ลูกเล่นจากเกมบางอย่าง เช่น กราฟิก เสียง มุมกล้อง รวมทั้งกิมมิกการสร้างเกม จุดเด่นของเกมที่ได้ใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ การอัปเกรดรถก่อนแข่ง การสอบใบขับขี่ ฯลฯ มาช่วยในการแต่งแต้มสีสันให้กับการเล่าเรื่องเส้นทางชีวิตของ Yann
ในขณะที่ตัวหนังเองก็เล่า ‘หนังที่สร้างจากเรื่องจริง’ ด้วยโครงสร้างการเล่าเรื่องที่มีความเหมือนกันกับกำลังผ่านด่านในโหมดต่าง ๆ ของเกม ตั้งแต่การเริ่มต้นอัปเลเวลด้วยการลงแข่งขันในสนามหลัก (จีที อคาเดมี่) ออกเดินทางไปแข่งขันในสนามนานาชาติเพื่อให้ได้ใบอนุญาต (ที่ทำเอาคนเล่นเกมหัวแทบไหม้) ก่อนลงแข่งในสนามใหญ่
อีกจุดที่ต้องชมว่ายอดเยี่ยมก็คือ แม้ตัวหนังจะเฉพาะทางระดับหนึ่ง แต่ตัวหนังกลับเล่าออกมาได้ดูง่ายสบายนะครับ ใครที่ไม่ได้มีพื้นฐานเรื่องรถยนต์ ไม่คุ้นเคยกับการดูการแข่งขันรถยนต์ คุ้นเคยกับวงการมอเตอร์สปอร์ต หรือต่อให้ไม่เคยจับจอยเล่นเกมเลย ก็ดูได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะมี graphics ความเป็นเกมมาช่วยให้ดูง่ายเหมือนกำลังเล่นเกมเอง
เป็นหนังที่ Service แฟนเกมแบบกำลังดี ไม่ได้ยัดเยียดจนทำให้คนไม่เล่นเกม และไม่ดูแข่งรถไม่อินและดูไม่รู้เรื่อง เป็นหนังที่เชื่อว่าทุกคน ทุกวัยน่าจะสามารถดูได้อย่างสนุกบันเทิง ด้วยโปรดักชันการแข่งรถที่ทำออกมาได้แรงสะใจ สัมผัสได้ถึงแรงเครื่องยนต์ จนอาจอยากหาเกม ‘กรันตูริสโม 7’ ใน PlayStation 5 มาเล่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
รับชมตัวอย่างหนัง : Gran Turismo
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim