รีวิว Jurassic World Dominion
หลังจาก “Event” กดปุ่ม’ ใน ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) ถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นของบทสรุปไตรภาคไดโนเสาร์ครองโลกใน ‘Jurassic World Dominion’ (2022) หรือ “jurassic world” ทวงคืนอาณาจักร ภาพยนตร์ภาคที่ 3 ของไตรภา (Jurassic World) และภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ใน “jurassic universe” นับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ภาคแรก ‘Jurassic Park’ (1993) ออกฉายเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วโน่น
แต่กว่าที่น้องบลู และเหล่าไดโนเสาร์จาก “jurassic period” จะได้กลับมาโลดแล่นกันในปีนี้ ตัวหนังก็ถือว่าต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากพอสมควร ทั้งกระแสจากภาคที่แล้ว ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) ผลงานการ “Directing” ของ ‘เจ. เอ. บาโยนา’ (J. A. Bayona) ที่ได้ score มะเขือเน่าจากเว็บไซต์ “Rotten Tomatoes” เพียงแค่ 47% ต่ำที่สุดในบรรดาแฟรนไชส์จูราสสิก พาร์ก แม้จะทำรายได้ค่อนข้างดี
แต่พอออกทรงลูกผีลูกคนขนาดนี้ “lecturer” ปู่ ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ (Steven Spielberg) Executive Producer เจ้าของ “Franchise” เลยเรียกตัว ‘โคลิน เทรวอร์โรว์’ (Colin Trevorrow) ผู้กำกับจาก ‘Jurassic World’ (2015) กลับมากำกับภาคนี้อีกครั้ง
อีกอุปสรรคใหญ่ยิ่งกว่าน้อน “Dinosaur” กิแกนโนโตซอรัส (Giganotosaurus) ก็คือ ช่วงเดือนมีนาคม 2020 กองถ่ายต้องหยุดถ่ายทำทั้งที่เพิ่งเปิดกล้องไปได้แค่ 13 วัน เพราะการระบาดของโควิด-19 ทีมงานเลยต้องทำงานโพสต์ “production” และงานด้าน “visual effects” กับฟุตเทจที่ถ่ายมาได้ไปพลาง ๆ และจำต้องยอมเลื่อนกำหนดฉายจากเดิมที่วางแผนฉายในปี 2021 ออกไปอีก 1 ปีเต็ม
สถานการณ์เริ่ม “unravel” ในเดือนกรกฏาคม 2020 ทางยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ (Universal Studios) จึงยอมควักเงินอีก 5 ล้านเหรียญสำหรับเซ็ตมาตรการ “safety” ถือว่าเป็นกองถ่ายแรก ๆ ที่กลับมาเริ่มถ่ายทำอีกครั้งหลังการระบาดครั้งใหญ่
เริ่มตั้งแต่การร่างเอกสารคู่มือมาตรการจำนวนนับร้อยหน้า แจกให้กับนักแสดงและทีมงานทุกคน มีจุดตรวจ “screening” มีห้องฉุกเฉินในกองถ่ายกรณีพบผู้ติดเชื้อ นักแสดงและทีมงานจะต้องกักตัวในโรงแรมที่ “universal” เช่าไว้ทั้งอาคารเพื่อใช้เป็นบับเบิลที่ควบคุมอย่างเข้มงวด
สำหรับ “Synopsis” ในภาคนี้ ก็จะเริ่มดำเนินเรื่อง 4 ปีให้หลังจาก ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ เกาะ ‘อิสลา นูบลาร์’ (Isla Nublar) ที่ตั้งดั้งเดิมของสวนสนุกจูราสสิก เวิลด์ ถูกทำลายเพราะถูกภูเขาไฟถล่ม
“dinosaur” ทั้งหลายถูกปล่อยออกสู่ธรรมชาติ (ตรงตามชื่อจูราสสิก เวิลด์ซะทีสินะ…) ‘โอเวน เกรดี’ (Chris Pratt) ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรม “dinosaur” ‘แคลร์ เดียริง’ (Bryce Dallas Howard) อดีต “Researcher” ไดโนเสาร์ และน้อง ‘เมซี ล็อกวูด’ (Isabella Sermon) ปลีกวิเวกอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านกลางป่าลึก
ส่วนน้องบลู ไดโนเสาร์ “Raptor” สีน้ำเงิน ก็มีลูกแล้วด้วยตอนนี้ ในภาคนี้ ทั้งสามคนจึงต้องเผชิญหน้ากับการกลับมาครองโลกอีกครั้งของไดโนเสาร์ที่กำลังจะกลายมาเป็นจุดสูงสุดบนห่วงโซ่อาหารแทนมนุษย์ และเผชิญหน้ากับ “BioSyn Genetics” ที่สร้างภาพว่าเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่กำลังมีแผนจะเข้ามาหา “benefit” จากไดโนเสาร์อยู่เบื้องหลัง
โดยมี ‘อดัม แกรนต์’ (Sam Neill), ‘เอียน มัลคอล์ม’ (Jeff Goldblum)), ‘เอลลี แซตเลอร์’ (Laura Dern) และ ‘ดร. เฮนรี วู’ (BD Wong) แก๊งผู้เชี่ยวชาญด้านไดโนเสาร์จากยุค “Jurassic Park” มาร่วมผจญภัยหาทางหยุดยั้งวิกฤติที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ตัวหนังในภาคนี้ถือว่าขยาย “Scale” แบบเล่นใหญ่เวอร์วังทุกภาคส่วนจริง ๆ ครับ ตั้งแต่ความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งนักแสดงจากทั้งภาคเก่าภาคใหม่ พันธุ์ไดโนเสาร์ที่หลากหลายมากที่สุด และอัปเดต “version” ล่าสุดจากนักบรรพชีวินวิทยาแล้วเรียบร้อย (ส่วนบางตัวนี่ก็อัปเกรดเกินเบอร์ไปหน่อยนะ)
รวมทั้งการผสมผสานระหว่าง “CGI กับหุ่นกลไกไดโนเสาร์เสมือนจริง หรือแอนิเมทรอนิกส์ (Animatronics) ที่นำมาใช้มากที่สุดใน “trilogy” แล้ว รวมทั้งการถ่ายทำในหลาย ๆ โลเคชัน หลากภูมิประเทศจากทุกมุมโลก
หากจะมองเป็นหนังปิด “trilogy” ก็ถือว่าเป็นการปิดไตรภาคที่ค่อนข้างโอเคนั่นแหละครับ แม้อาจจะยังไม่ถึงขั้นประทับใจ แต่ถ้ามองเป็นหนังบันเทิงครบรสสำหรับครอบครัว หนังของคนรัก “dinosaur” หรืออยากโดนพลังเสียงจากลำโพงหมื่นวัตต์ระบบ “IMAX” อัดกระแทกรูหู หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ที่ไม่ว่าจะดูแบบไหนก็ไม่น่าจะเสียดายค่าตั๋วครับ
รับชมตัวอย่างหนัง : Jurassic World Dominion
