รีวิว Lockwood & Co.
รีวิว Lockwood & Co. ตัวซีรีส์สร้างจากบทดัดแปลง จากหนังสือนวนิยายวัยรุ่นแนวเร้นลับจนยากจะรู้เห็นเหนือธรรมชาติชื่อเดียวกัน จากผลงานการเขียนโดย โจนาธาน สตราวด์ ประกอบไปด้วยหนังสือ 5 เล่มจบ ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2013-2017 จนกระทั่งบริษัท คอมพลีต ฟิกชัน พิกเจอร์ส ของผู้กำกับดัง เอ็ดการ์ ไรต์ ที่ได้สิทธิ์ทำซีรีส์ลง Netflix แทน และได้เพื่อนไรต์อย่าง โจ คอร์นิช ผู้กำกับหนังเอเลียนสายปั่น ‘Attack the Block’ (2011) และผู้เขียนบท ‘แอนท์-แมน’ (2015) ภาคแรกมารับหน้าที่กำกับ เขียนบท และผู้อำนวยการสร้าง
ตัวซีรีส์นี้จะย้อนเล่าไปถึงกรุง London ประเทศอังกฤษในทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคที่ผีออกอาละวาดระบาดชุกชุมสร้างความเป็นทุกข์กังวลให้กับคนยุคนั้นอย่างกับยุง ถึงขนาดต้องมีการเคอร์ฟิว และมีการก่อตั้งบริษัทกำจัดผี มีผู้ใหญ่คอยเทรนเด็กหนุ่มสาวรับหน้าที่ค้นหาและกำจัดวิญญาณให้หมดสิ้นไป และมีหน่วยงานรัฐชื่อ ดีแพร็ก (DEPRAC) เหมือนเป็นหน่วยงานกำกับควบคุมการปราบผีอีกที
ซึ่ง ลูซี คาร์ไลล์ (Ruby Stokes) เด็กสาวผู้มีความสามารถจับรู้สึกถึงวิญญาณผ่านเสียง ที่ต้องเจอกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันขึ้นระหว่างปราบผี ทำให้เธอต้องหนีออกจากบ้าน จนได้พบกับ Logwood Company และสหาย (Lockwood & Co.) บริษัทกำจัดผีนอกระบบกระจิ๋วหลิวที่บริหารงานโดย แอนโทนี ล็อควูด เด็กหนุ่มปราบผีสุดห่าม และ จอร์จ คาริม (อาลี หะยี-เฮชมาตี) เด็กชายสุดเนิร์ด ทั้ง 3 คนจึงต้องร่วมกันทำงานปราบผีและไขปมปริศนาลึกลับ โดยมี เจ้าหน้าที่บาร์นส์ (อิวานโน เยเรมีย์) จากหน่วย DEPRAC คอยจับตามองพวกเขาทุกฝีก้าว
สิ่งแรกที่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่ามันน่าดึงดูดไหมก็คือ นี่คือ “story” ที่เกิดขึ้นในยุค 80’s นะครับ และจะว่าไป พล็อตแบบนี้ยังไงก็อดคิดถึงหนังคลาสสิกอย่าง ‘Ghostbusters’ (1984) ไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ เพียงแต่ความต่างที่ชัดเจนก็คือ นอกจากจะใช้เพลงประกอบส่วนใหญ่เป็นแนว post punk ที่ฮิตในยุค 80’s แล้ว ก็แทบไม่มีอะไรในหนังที่ตรงยุคเลย แลกกับการได้กลิ่นอายอังกฤษที่ดูแปลกใหม่ ดูเชย ๆ ลึกลับ ๆ ไปอีกแบบ
แต่ก็แอบรู้สึกอยู่ไม่นิ่งเหมือนกันนะครับที่เห็นเด็กหนุ่มถือดาบไปปราบผี เข้าใจแหละว่าตัวเรื่องต้องการเซ็ตให้ลอนดอนยุคนั้นดูดาร์ก ๆ ลำบากยากเข็ญหน่อย ๆ แต่ก็แอบสงสัยว่า ไม่มีอะไรที่ตรงยุคหน่อยเลยเหรอ ขนาดทีวีก็ไม่มีดูกัน Gadget ปราบผีก็มีแค่ดาบไว้กวัดแกว่งแทงผี ระเบิดเกลือไล่ผี เครื่องวัดอุณหภูมิ ผ้าคลุมเงินกันผีเฮี้ยน บางทีก็เอามาใช้ต่อสู้กับคนได้อีกแน่ะ ก็แอบลังเลว่านี่ยุค 80’s หรือยุคกลางป่ะเนี่ย (555)
โอเค แม้ว่ามันจะไม่ทันสมัยถึงขนาดนั้น แต่มันก็มีความร่วมสมัยอยู่นะครับ โดยเฉพาะใน 2-3 อีพีแรก ๆ ตัวซีรีส์พยายามจะปูคอนเซ็ปต์ที่ผสมกันระหว่างบริษัทกำจัดผี กับสูตรหนังวัยรุ่นพันล้าน วัยรุ่นตั้งตัว พล็อตเลยออกทรงประมาณว่า ผีมีปกติเหมือนยุงนี่แหละ เลยต้องมีบริษัทกำจัดผีขึ้นมา
แต่ดันมีคนหนุ่มสาวตั้งใจ Disrupt วงการด้วยการเปิดบริษัทกันเองในบ้านอย่างกับบริษัทสตาร์ทอัป แถมพยายามขบถด้วยการพยายามอยู่นอกการควบคุมของผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวทั้งหลายแหล่ ก่อนจะลากเข้าสู่เหตุการณ์ปราบผีแบบไม่ได้เรื่อง และเอาตัวรอดทางธุรกิจจวนเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่ ที่เดินเส้นเรื่องไว้บาง ๆ ปูเส้นเรื่องเข้าสู่การผจญภัยผสมแนวสืบสวนสอบสวน และ “Action” ปราบผีและปราบคน
ในขณะที่ซีรีส์กลับเลือกที่จะเสี่ยงด้วยการทิ้งสิ่งที่ปกปิดไว้และปริศนาเอาไว้ประปราย ราวกับว่าจะแทงกั๊กเพื่อรอให้ติดตามในซีซันต่อไป คือมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดล่ะครับ แต่ก็แอบอดห่วงไม่ได้ว่า สถานการณ์ของซีรีส์ Netflix ตอนนี้ที่เหมือนเอาคอพาดเขียง ถ้าเปอร์เซ็นต์คนดูน้อย ต่อให้กระแสดี เรตติงดี คำวิจารณ์ดีแค่ไหน ก็อาจถูกยุบเลิก “project”ภาคต่อได้โดยง่าย และเหมือนจะใจร้ายนะครับ แต่ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่า แอบห่วงชะตากรรมของซีรีส์เรื่องนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว
รับชมตัวอย่างหนัง : Lockwood & Co.
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim