รีวิว Seoul Vibe
รีวิว Seoul Vibe เรียกได้ว่าวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ขอ (Korea) ยังคงเสิร์ฟ Vibe แนวทางเรโทร (Retro) ออกมาให้ชาวโลกได้ลองลิ้มชิมรสกันอยู่เรื่อย ๆ นะครับ มีทุกแนวจริง ๆ ล่าสุดก็มีแนว (Action) อาชญากรรมไล่ล่า ที่มีแบ็กกราวนด์ย้อนไปในยุค 80’s อย่าง ‘โซลไวบ์’ หรือ ‘ซิ่งทะลุโซล’ เรื่องนี้แหละครับ ตัวหนังเคลมว่าเป็นหนังระดับ (blockbuster) ที่ทุ่มทุนสร้าง และขนนักแสดงหัวแถวของเกาหลีใต้มาแบบยกแพ็ก ทั้ง ยูอาอิน (Yoo Ah-in) จาก ‘Voice of Silence’ (2020), โกคยองพโย (Go Kyung-Pyo) และ คิมซองกยุน จาก ‘Reply 1988’ (2015–2016), พัคจูฮยอน, องซองอู, อีคยูฮยอง, และ มุนโซรี เป็นต้น
อย่างที่เกริ่นไปว่า ตัวเรื่องนั้นกำเนิดเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ (South Korea) กำลังเป็นเจ้าของงานพิธีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงโซลในปี 1988 (Seoul 1988) สายตาของคนเกาหลีใต้ทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่วันเปิดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกของประเทศ ในขณะที่แก๊งอาชญากรรมใต้ดิน ที่นำโดย ประธานคังอินซุก (มุน โซ รี) และ อีฮยอนกยูน (Kim Sung-Kyun) ทหารมือขวา (Confidant) กำลังกำหนดแผนการลักลอบทำการบางอย่างคือการขนเงินแบบลับ ๆ อัยการอันพยองอุค (Oh Jung-Se) จึงต้องการที่จะสืบแสวงหาข้อมูลเพื่อจับกุมบุคคลสำคัญระดับวีไอพีในคดีข้อหาฟอกเงินระดับชาติ
อัยการอันเลยต้อง (force) ให้ พักทงอุค (ยูอาอิน) นักดริฟต์มือหนึ่งผู้ยึดถือใน American Dream และอยากย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกา, จอห์น วู (โกคยองปโย) ดีเจนักมิกซ์เทปประจำแก๊ง, พกนัม (อีคยูฮยอง) นักนำทางปราดเปรื่อง, ยุนฮี (พัก จู-ฮยอน) สาวนักบิดผู้มีความสามารถในการปลอมตัว และ จุนกี (อง ซองอู) ช่างซ่อมรถ (Genius) ที่รวมตัวเป็นแก๊ง ‘ซางกเยดงซูพรีม’ (Sangyedong Supreme) เข้าไปสมัครเป็นคนขับรถขนเงิน และทำหน้าที่เป็นสาย ซิ่งลอบเอาหลักฐานออกมาแฉให้ได้ เพื่อแลกกับการลบความผิดของพวกเขาเอง
ลำพังอ่านแต่ “Synopsis” คงจะตะหงิดแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมมันคุ้น ๆ ไม่ผิดเลยครับถ้าจะตะหงิด ๆ ว่ามันช่างคล้ายกับ หนังแนวแอ็กชันจารกรรมรถซิ่งในแบบหนังแฟรนไชส์ ‘Fast & Furious’ ซะเหลือเกิน ถ้าเป็นแฟนหนังตระกูล Fast จะจับทางได้แน่นอนว่า นี่มันพล็อตหนัง ‘เร็วคูณ 2 ดับเบิ้ลแรงท้านรก’ (2003) ชัด ๆ แต่จะบอกว่าลอกมาเลยก็คงไม่ใช่ เพราะตัวหนังก็ยังมีเส้นเรื่องของตัวเองในการนำเสนอรูปแบบ แอ็กชัน – คอมเมดี้ เน้นขายขำ และห่อหุ้มด้วยบรรยากาศแบบเรโทร มากกว่าจะเป็นหนังซีเรียสแอ็กชันบู๊ระห่ำแตกอะไรขนาดนั้น
ความน่าดึงดูดที่สุดของหนังเรื่องนี้สำหรับ “screenwriter” คงเป็นเรื่องของการเอาบรรยากาศ (retro) ของเกาหลีใต้ในปี 1988 ของเกาหลีใต้มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ นี่แหละครับ น่าสนใจตรงที่ไม่ได้แค่เอาเนื้อเรื่องไปสวมใส่กับยุคสมัยและเหตุการณ์จริงแบบเปลือก ๆ แต่ตัวหนังเลือกที่จะหยิบเอา “atmosphere” ของคนในกรุงโซลเวลานั้นมาใช้จริง ๆ ทั้งบรรยากาศโอลิมปิกฟีเวอร์ของคน (South Korea) ที่เกิดขึ้นหลังการสิ้นสุดของรัฐบาลเผด็จการทหาร พอแนวคิดประชาธิปไตยเบ่งบาน Pop Culture จากตะวันตกและแนวคิดเสรีนิยม American Dream ก็ติดสอยห้อยตามมา
โดยรวมแล้ว ‘Seoul Vibe’ เป็น “action movie” ที่มีดีในมุมมองประเด็นของความเป็นเรโทร การสะท้อนยุคสมัยที่ทำออกมาได้ดี เพียงแต่ว่าภาพรวมของหนังแทนที่มันจะออกมาเป็น เร็ว..แรงทะลุนรก เวอร์ชันขายขำ ขายแอ็กชันซิ่งมัน ๆ โม้ ๆ แต่มันดันทำออกมาได้ออกมาไม่มีแรง ไม่ตื่นตาเอาซะเลย คดงอก็ไม่สู้ ความบู๊ก็ไม่ค่อยซิ่ง ตัวหนังก็เลยทำออกมาแล้วไม่ได้มีส่วนคล้ายครึงได้ทั้งไม่ Fast และไม่ Furious เป็นงานหนัง “action” ที่เหมาะแก่การกดบันทึกไว้ดูตอนว่างจัด ๆ หรือเอาไว้ถอดสมองดูแก้เครียดก็ถือว่าไม่เลวครับ อย่าดูมันในฐานะหนังบล็อกบัสเตอร์ก็พอ
รับชมตัวอย่างหนัง : Pam & Tommy เซ็กส์ รัก
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim