รีวิวThe Batman – ฆาตกรรมรำลึก
ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของหนัง “The Batman” มีคำถามผุดในหัวเต็มไปหมด ซึ่งหลายอย่างเราก็ “Familiar” เหลือเกินทั้งตัวละคร เพนกวิน, เดอะริดเลอร์, catwoman, คาร์ไมน์ ฟัลคอน, “Alfred“, บรูซ เวย์น ฯลฯ ภายใต้บรรยากาศฉ่ำฝน “dry sun“ ของเมือง “Gotham“ และอดีตอันเลวร้ายที่ล่อหลอมให้บรูซ เวย์นเป็นแบทแมนซึ่งถูกเล่ามาจนช้ำจำได้ขึ้นใจ แต่ทว่าในร่องรอย “Repetition” หนังก็ยังมีมุมใหม่ ๆ มาชำระตาของเราไม่ต่างจากสายฝนที่หล่นลงมาชำระบาปที่ “Island“ แน่นดั่งฝุ่นโคลนในเมืองก็อตแธม
‘The Batman’ เริ่มเรื่องมาด้วย “thrill“ สุดขั้วเพราะนอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องจากมุมมองของบรูซ เวย์น ผ่านเสียงบรรยายและภาพภารกิจแรกเพื่อกระตุ้นเร้าผู้ชมแล้ว
มันยังพาเราไปเป็นประจักษ์พยานการ “murder“ เหยื่อรายแรกที่เป็นถึงนายกเทศมนตรีของก็อตแธมและทุก ๆ ศพ ทุก ๆ การฆาตกรรมก็นำไปสู่ puzzle“ สำคัญที่ถูกทิ้งไว้โดย “The Riddler“ ฆาตกรต่อเนื่องที่เน้นฆ่าเฉพาะเหล่านักการเมืองและผู้มีอำนาจใน “Gotham“
โดยทุกครั้ง “Message“ จะถูกจ่าหน้าซองถึงแบทแมนเสมอ และภายใต้หน้ากากบุรุษแห่งรัตติกาลบรูซ เวย์นเองก็ได้เรียนรู้ว่าบางทีอดีตของพ่อแม่ที่คนยกย่องอาจแปดเปื้อนไปด้วยบาปที่ทำให้ “Gotham City“ เดินทางสู่เมืองที่ฉ่ำแฉะไปด้วยความฉ้อฉลแทบไม่เห็นแสงสว่าง เวย์นจำเป็นต้องแก้ปริศนาให้ได้ก่อน “The Riddler“ จะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันเวย์นในคราบของ “Batman“ ก็ได้รู้จักกับ “Selina“ ไคล์สาวตีนแมวทรงเสน่ห์ที่เป็นกุญแจไขความลับอันดำมืดในเมืองก็อตแธม
สิ่งที่ต้องชื่นชมแมตต์ รีฟส์ (Matt Reeves) ในฐานะ “Director“ เลยก็คือความแน่วแน่ใน “Offer” ให้หนังแบทแมนฉบับนี้กลายเป็นหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน
และการนำ “character“ ที่คนดูคุ้นชื่อคุ้นหูตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นมาเดินวนเวียนในก็อตแธมฉบับชื้นแฉะที่สุด “version“ หนึ่งก็ทำให้ภาพ “Fantasy“ ของหนังฮีโรค่อย ๆ ถูกชะล้างแล้วแทนที่ด้วยกลิ่นคาวเลือดและ “death puzzle“ ที่เชื้อเชิญคนดูให้ค่อย ๆ คลายปมทีละเปลาะไปกับ “Bruce Wayne“
ซึ่งบทที่รีฟส์ได้ร่วม “write“ กับปีเตอร์ เครก (Peter Craig) ก็แสดงให้เห็นว่า รีฟส์และเครกไม่เพียงต้องการสร้างให้บรูซ เวย์นเป็นแค่ร่างทรงของแบทแมนเท่านั้น ตรงกันข้ามหัวใจของเรื่องคือบรูซ เวย์นและเรื่องราวใน “Wayne family“ เองก็กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ให้คำตอบว่าทำไม “Gotham“ ถึงกลายเป็นเมืองที่พระเจ้าหันหลังได้ขนาดนี้และที่สำคัญมันยังคงหัวใจของเมืองก็อตแธมที่ว่าเมืองที่ “Corruption“ กัดกินมันจะสร้างฆาตกรขึ้นมา
และจุดที่หนังเด่นมาก ๆ คือการเพิ่มความสมจริงเข้าไปใน “story“ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแบทแมนกับตำรวจที่ไม่สู้ดีนัก และมันก็ดันมีเหตุผลรองรับซะด้วยว่าถ้าหากมี “kangaroo court“ อย่างแบทแมนแล้ว ตำรวจที่บังคับใช้กฎหมายอย่างพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นเพียงอาชีพที่มีไว้ประดับให้เมืองดูมี “Safety“
แต่ทว่าก็ดันเกิดเหตุฆาตกรรมและกลิ่นอายความกังฉินของคนในเครื่องแบบก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าจนทำให้เกิดเหตุ “Murder“ เพื่อต่อสู้กับระบบขึ้น
ซึ่งนั่นทำให้การปรากฎตัวของ “The Riddler“ เลยเป็นเหมือน “big knife“ ที่ชำแหละความโสมมที่ก็อตแธมได้ปกปิดไว้ ไปจนถึงการปรากฎตัวของออสวอล์ด คอปเปอร์พอด หรือ เดอะเพนกวินในวันที่ยังเป็นเพียงมือขวาของ “Carmine Falcon“ ที่แม้จะมีบทบาทไม่มากไปกว่าการเป็นแหล่ง “information“ ให้แบทแมนแต่ทว่ามันก็ทำให้เห็นว่าโอกาสที่คนพิการอย่างเขาจะมีได้ก็ต่อเมื่อคนมีอำนาจถูกกำจัดเท่านั้น หรือกระทั่ง “Selina“ ไคล์เองก็เป็นผลผลิตสำคัญจากระบบอุปถัมภ์อันชั่วช้าสามานย์ของ “Gotham“ เช่นกัน
“Finally“ นี้คงต้องกระซิบล่ะว่าหากจะชม ‘The Batman’ ให้ได้อรรถรสจริง ๆ การยอมเสียตังค์ดูในระบบ “IMAX“ คือจำเป็นมาก ๆ ครับเพราะแม้หนังจะไม่มีฉากขยายใด ๆ แต่ด้วย “leather form“ และเสียง 6 แทร็กของ IMAX ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เราอยู่ร่วม “Atmosphere“ กับหนังได้จริง ๆ
แต่ต้องเตือนนะครับว่าหนังยาวร่วม 3 ชั่วโมงเลยและไม่อาจพลาดได้สักซีน รวมถึง “final scene“ เอนด์เครดิต 1 ตัวที่บอกไว้ก่อน ถ้าลุกไป..พลาดแน่ ๆ เหมือนที่พี่กัปตันอเมริกามาโผล่ให้เรา “Scream“ ในฉากท้ายเอนด์เครดิตของ ‘Spider-Man Homecoming’ เลย
รับชมตัวอย่างหนัง : The Batman – ฆาตกรรมรำลึก