รีวิว The Greatest Beer Run Ever
รีวิว The Greatest Beer Run Ever ด้วยเหตุที่วีรกรรมของชิกกี้นั้น เป็นการกระทำที่ระห่ำ กล้าหาญและมีความคะนองของชีวิตวัยรุ่นที่เล่าต่อกี่ครั้งก็ยังสนุก แม้เรื่องราวจะผ่านมากว่า 50 ปีแล้วก็ตาม สมกับที่ชิกกี้เองก็บ่นว่าเบื่อที่จะเล่าเรื่องราวนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนชิกกี้บอกว่าพอกันที แต่ในปี 2015 วีรกรรมของ “Chicky” ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อทีมงาน Pabst Blue Ribbon ได้ถ่ายทอดตำนานนี้ออกมาในรูปสารคดี 13 นาที เนื่องในวันทหารผ่านศึก มีผู้ชมไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง ถึงตรงนี้ ชิกกี้จึงตัดสินใจเล่าวีรกรรมของเขาออกมาเป็นหนังสือมันซะเลย แต่วีรกรรมสุดโต่งของเขาก็ยังไม่จบลงไปง่าย ๆ เมื่อสตูดิโอ สกายแดนซ์ มีเดีย ตกลงซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาสร้างเป็นภาพยนตร์
ในฐานะที่ผู้เขียนได้เคยเขียน “story” การผจญภัยของชิกกี้มาแล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องราวที่ฟังดูเหลือเชื่อและน่าสนุกดี สมกับที่เรื่องราวนี้ไม่เคยห่างหายไปตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมานี่ แต่การที่เรื่องราวนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้นั้น ก็ยังสร้างความรู้สึกแคลงใจว่า เรื่องราวของหนุ่ม “new York” หิ้วเบียร์มาฝากเพื่อนที่รบอยู่ในเวียดนามนั้น การเล่าสู่กันฟังแบบสั้น ๆ ก็ดูน่าสนใจดี แต่จะเล่าออกมาเป็นหนังยาวอย่างไรให้น่าสนใจ
ก็จนกระทั่งได้ดูหนังแล้ว ถึงยอมรับว่าหนังอยู่ในมือของผู้กำกับและเขียนบที่ถูกคน เพราะ Peter Farelli นั้นก็มีประสบการณ์ในการทำหนังที่ว่าด้วยการเดินทางไกลบนฉากหลังที่ประเด็นขัดแย้งเรื่องสีผิวกันมาแล้วใน กรีนบุ๊ค พอมาครั้งนี้ใน The Greatest Beer Run Ever ก็ถือว่ามาในธีมที่ใกล้เคียงกัน เรื่องราวของความเป็นมิตรระหว่างเพื่อนกับประเด็นเรื่องความเห็นของประชาชนอเมริกันต่อสงครามเวียดนาม ที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายกันอย่างชัดเจน
เป็นเรื่องปกติล่ะครับ เมื่อหนังสือไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือบันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เมื่อถูกดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ก็ย่อมมีการเสริมเติมแต่ง จุดประสงค์เพื่อให้เรื่องราวตรึงความสนใจผู้ชมให้อยู่กับหนังได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างในเรื่องนี้หนังยังคงพล็อตเรื่องหลักไว้ว่า เหตุการณ์เกิดในปี 1967 ช่วงที่อเมริกาส่งกองกำลังไปรบในสงครามเวียดนาม “Chicky” สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ในบาร์ประจำ ซึ่งเพื่อน ๆ หลายคนที่เคยกินดื่มด้วยกันก็ถูกส่งไปรบในเวียดนาม บาร์เทนเดอร์ก็เลยเปรยขึ้นมาว่า คิดถึงหนุ่ม ๆ ที่เปรียบเสมือนลูกหลานแต่ต้องถูกไปส่งใน Vietnam อยากให้หนุ่ม ๆ พวกนี้ได้ดื่มเบียร์ด้วยจัง ชิกกี้ก็เลยโพล่งออกมาว่า งั้นเขาจะรับอาสาเอาเบียร์ไปส่งให้เพื่อน ๆ เอง
หนังก็เดินเรื่องเร็วครับ ไม่ถึง 30 นาที Chicky ก็ไปถึง Vietnam แล้ว เป้าหมายของชิกกี้คือเพื่อน ๆ 6 คน คนหนึ่งเสียชีวิตในสนามรบ อีกคนปลดประจำการกลับมาสหรัฐฯ แล้ว ที่ยังประจำการอยู่ 4 คนนั้น ชิกกี้ก็ฟันฝ่าไปไปส่งเบียร์ได้ครบทั้ง 4 คน แต่เรื่องราวที่ถูกปรับแต่งในส่วนนี้ก็คือ ในเรื่องจริงนั้นชิกกี้อยู่ในเวียดนามถึง 2 เดือน แต่ในหนังนั้นมีการปรับระยะเวลาเหลือแค่ 3 วัน การจำกัดเวลาขึ้นมานั้นก็ได้ผลดีที่จะเกิดขึ้น “Chicky” เลยต้องปฏิบัติภารกิจแข่งกับเวลา ถ้าเลย 3 วันเรือที่เขาโดยสารมาจะออกจากท่า เขาจะไม่สามารถกลับนิวยอร์กได้
โดยรวมก็ถือว่า “The Greatest Beer Run Ever” เป็นหนังที่มีเต็มทั้งส่วนสำคัญประโยชน์ “Entertainment” ทีมงานสร้างตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกสร้างมาฉายทางสตรีมมิง เพราะดูแล้วถ้าฉายโรงไม่น่าจะได้กำไร ด้วยจุดสำคัญของหนังยังไม่แข็งพอที่จะเรียกคนดูให้ออกจากบ้านไปซื้อตั๋วดูเรื่องนี้ในโรง หรือดูแล้วก็คงจะไม่ออกปากเชียร์ให้เพื่อน ๆ ไปดูอีกด้วยแหละ เพราะเนื้อหาหนังก็ไม่ได้ดุเดือดถึงกับต้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง เดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาดูต่อก็น่าจะยังตามเรื่องได้ทัน ได้ความบันเทิงพอประมาณครับ ดูไปทำนู่นทำนี่ไปด้วยได้ไม่เสียดายเวลา แต่ถ้าพลาดไปก็ไม่น่าเสียดาย
รับชมตัวอย่างหนัง : Pam & Tommy เซ็กส์ รัก
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim