รีวิว Top Gun – Maverick
ขนานมากับช่วงเวลาที่หนัง “Sequel” เรื่องนี้ทิ้งห่างมา ในวันนี้พีท ‘มาเวอร์ริก’ มิตเชล รับบทโดย “Tom Cruise” ยังคงจมปลักกับภาพอดีตอันแสนเลวร้ายที่ต้องเห็นเพื่อนร่วมบินอย่าง “Goose” ตายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อ 36 ปีก่อน และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อชะตาได้พามา “Werrick” มาเผชิญหน้ากับ แบรดลีย์ ‘รูสเตอร์’ แบรดชอว์ (รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์) ลูกชายของกู๊สที่เข้ามายังท็อปกันเพื่อคัดเลือกเป็นนักบินใน “mission” เสี่ยงตายทำลายฐานผลิตอาวุธนิวเคลียร์มหาประลัย
หากชำแหละ “movie script” ของ ‘Top Gun : Maverick’ ในฉบับใหม่ของ “director” โจเซฟ โคซินสกี (Joseph Kosinski) ออกมาจริง ๆ มันก็คือพิมพ์เขียวของหนัง ‘Top Gun’ เมื่อ 36 ปีก่อนแทบไม่มีผิดเพี้ยน หลายอย่างที่ “movie edition” โทนี สก็อตต์ (Tony Scott) ได้ทิ้งมรดกอันมีค่าไว้ตั้งแต่ “title” เปิดเรื่องที่กล่าวถึงโรงเรียนท็อป กัน ที่จบด้วยโลโก้ของหนัง ฉากแอ็กชันผาดโผน
ความเป็นฮีโรโรแมนติกของมาเวอร์ริกผ่านซีนขี่บิ๊กไบค์ไล่ไปกับ “backdrop” ที่เอฟ 18 กำลังพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ไปจนถึงเรื่องราว “romance” ของมาเวอร์ริกที่ยังอุตส่าห์ไปขุดอดีตคนรักของเขาที่ถูกกล่าวถึงในบาร์ของหนังภาคแรกมาสานต่อเป็นตัวละครของ เจนนิเฟอร์ คอร์เนลลี (Jennifer Cornelly)
แต่ช้าก่อน ! หากจะคิดว่านี่คือ “copy movie” ลอกลายของหนังภาคแรกล่ะก็..บอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะเอาจริง ๆ บทหนังฉบับของทีม “Christopher McQuarrie” ได้จัดการปัดฝุ่นเอาเฉพาะส่วนที่เป็นไอคอนมาใช้ เราจึงยังเห็นฉากเปิดเรื่องคลาสสิกหรือกระทั่งฉากวอลเลย์บอลชายหาดโชว์กล้ามมาเรียกแขกบรรดาสาว ๆ เหมือนหนัง “first part”
แต่ลดดีกรีความโบรแมนซ์ที่เคยเกาะกับหนังมาจากตัวละครมาเวอร์ริกกับ “ice man” ลงเหลือแค่ความใจ เ ก เ ร เล็กน้อยผ่านการแข่งขันของ รูสเตอร์ และ แฮงค์แมน (รับบทโดย เกลน โพเวลล์ Glen Powell) ที่ยังให้ภาพมิตรภาพ “manly” ดูหนักแน่นควบคู่ไปกับปมดรามาสุดเข้มข้นระหว่างมาเวอร์ริกและ “Rooster” ที่ดูจะเป็นหัวใจและอุปสรรคสำคัญที่หนังใช้ผลักกราฟของหนังให้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่อง
เรียกได้ว่า “Macquarie” และโคซินสกียังคงเก็บตกความประทับใจจากแฟนหนังภาคแรกได้ทุกเม็ด แม้กระทั่งการปรากฎตัวของตัวละครไอซ์แมนที่แสดงโดย วัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) ก็ยังทำให้ภาพวันวานยังหวานอยู่ “appear” แจ่มชัดในใจผู้ชมได้ และในขณะเดียวกันหนังก็ยังเอาใจคน “new model
ด้วยจังหวะหนังที่อัดอดรีนาลีนมากขึ้น ตัดต่อฉึบฉับมากขึ้นโดยยังคงความงามแบบเวอร์ ๆ ของเครื่องบินรบขับไล่ที่เริงระบำกลางเวหาแบบหนัง “first part” ไว้ได้ด้วยไอเดียสุดระห่ำของ “Claudio Miranda” ผู้กำกับภาพของหนังที่มัดกล้อง ‘Sony Venice’ 6 ตัวไว้ในห้องนักบินที่ให้ภาพสุดตื่นตาตื่นใจยากจะหาหนังเรื่องไหนถ่ายทอด “excitement” ของการบินขับไล่ได้เท่าหนังเรื่องนี้อีกแล้ว
ส่วน “actor” นอกจาก “Tom Cruise” แล้วบรรดานักแสดงสมทบทั้ง “Miles Teller” ในบทรูสเตอร์ หรือจะเป็น เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี ที่มารับบท เพนนี ลูกสาวนายพลจากหนังภาคแรกก็ล้วนแล้วแต่พาให้ “Dramatic mood”
และโรแมนติกของหนังอันเป็นส่วนผสมสำคัญสามารถออกรสออกชาติได้ไม่แพ้ความมันของ “action scene” เลย ส่วนนักแสดงหน้าตาดีทั้งหลายอย่าง “Glen Powell” ที่มาในบทคู่กัดดีกรีสูสีกับไอซ์แมนในหนังภาคก่อน หรือจะเป็น โมนิกา บาร์บาโร (Monica Barbaro) ในบทนาตาชา
‘Phoenix’ เทรซ นักบินสาวก็ทำให้หนังกระชุ่มกระชวยด้วยใบหน้าสวยๆ และ “sexy figure” แบบสาวนักกีฬาของเธอ
รับชมตัวอย่างหนัง : Top Gun – Maverick