Voyagers
ตัวหนังเรื่องนี้เป็นผลงาน “sci-fi” ผลงานจากสตูดิโอ ‘ไลออนส์เกต’ และ ‘AGC Studios’ จากฝีมือการกำกับของ ‘Neil Burger’ ครับ ผลงานของเขาที่น่าจะคุ้นกัน ก็น่าจะเป็นบรรดาหนังทีนเอจไซไฟตระกูล ‘Divergent’ ที่กำกับเฉพาะภาคแรก ‘Divergent’ (2014) และะถอยมาเป็น Executive Producer ในสองภาคหลัง หรือหนังไซไฟ thriller อย่าง ‘Limitless’ (2011) หรือถ้าไม่เอาไซไฟ เขาก็เคยกำกับ ‘The Upside’ (2017) หนังฟีลกู้ดปนตลกที่รีเมกจากหนังฝรั่งเศสเรื่องดัง ‘Intouchables’ (2011) นั่นเอง
‘Voyagers’ ว่าด้วยเรื่องของหายนะโลกที่กำลังเกิดขึ้นใน future อันใกล้ครับ โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติทรุดโทรม ทรัพยากรไม่เพียงพอ การทนอยู่อาศัยบนโลกกลายเป็นเรื่องยาก นักวิทยาศาสตร์จึงได้วางแผนที่จะย้ายมนุษย์ไปยังดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานกว่า 86 ปี ก็เลยต้องส่งมนุษย์เข้าไปอยู่ที่แห่งนั้นก่อน แต่ถ้าจะไปโดด ๆ
อาจจะแก่ตายก่อน นักวิทยาศาสตร์เลยมีกระบวนการ complicated กว่านั้น คือ ต้องมีการเพาะเลี้ยงมนุษย์ในแล็บขึ้นมา 30 คน เพื่อเป็นลูกเรือชุดแรกที่จะส่งไปบนอวกาศ เมื่อถึงเวลา ลูกเรือเหล่านี้แหละก็จะทำหน้าที่ขยายพันธุ์ เลี้ยงดู สืบต่อกันไปเรื่อย ๆ กว่าจะไปถึงดาวก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ 3 รุ่น
แต่ยังไงก็ตามลูกเรือเหล่านั้นก็ไม่ได้ไปแต่ลำพัง เพราะมีนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญอย่าง ‘ริชาร์ด’ (Colin Farrell) ไปดูแล เสมือนเป็นครูใหญ่ และพ่อของเหล่าลูกเรือ ทุกเช้า ลูกเรือทุกคนจะต้องดื่มน้ำสีฟ้าที่ชื่อว่า เดอะ บลู (The Blue) ซึ่งเรื่องมันมาเกิดตอนที่เป็นวัยรุ่นนี่แหละ เมื่อเด็กหนุ่มเพื่อนซี้ ‘คริสโตเฟอร์’ (ไท เชอริแดน), ‘แซ็ก’ (เฟียนน์ ไวท์เฮด) และ ‘เซลา’ (ลิลลี่ โรส เมโลดี้ เดปป์) หญิงสาวผู้มีความฉลาดด้านการแพทย์
ดันไปล่วงรู้ว่า ไอ้เดอะบลูที่พวกเขาดื่มทุกเช้าเนี่ย มันเอาไว้กดฮอร์โมนไม่ให้พุ่งพล่าน กดอารมณ์ไม่ให้รู้สึก Principal อะไรมากเกินพอดี และกดอารมณ์ทางเพศไม่ให้ไปสวีวี่วีกันเองมั่วซั่ว เมื่ออารมณ์และกฏที่เคยถูกกดกลับปะทุ ภัยร้ายอันตรายก็เลยเกิดขึ้นเพราะวัยว้าวุ่นเหล่านี้นี่แหละ
ในแง่ของ “plot” เอาเข้าจริงตัวหนังถือว่ามีความ High-Concept มาก ๆ เลยนะครับ คือเป็นหนัง Teenage Sci-Fi หรือแนวไซไฟวัยรุ่น (จำพวกเดียวกับ ‘เรดดี้ เพลเยอร์ วัน สงครามเกมคนอัจฉริยะ’ (2018) หรือ ‘เกมล่าเกม’ (2012)) ที่ถือว่ามีคอนเซ็ปต์และพล็อตน่าสนใจทีเดียว แม้ตัวพล็อตเองจะมีความคุ้น ๆ จากหนังสือ ‘วัยเยาว์อันสิ้นสูญ’ เขียนโดย ‘วิลเลียม โกลดิง’ ที่ว่าด้วยกลุ่มเด็กติดเกาะที่แก่งแย่งชิงดีกันเพื่อช่วงชิงอำนาจในการจัดระเบียบสังคม
เพียงแต่มีความเป็นไซไฟที่มีกลิ่นอายของแบบดิสโทเปีย (D The Hunger Games ystopia) ที่ดำเนินด้วยวิธีการเล่าเรื่องแบบ Young Adult (เด็กที่จำต้องดำรงชีวิตและเอาตัวรอดแบบผู้ใหญ่) เข้ามาด้วยนั่นเอง
ที่ผู้เขียนชอบ Concept ของหนังเรื่องนี้อีกอย่างก็คือ การตีความเกี่ยวกับเรื่องของความเป็นมนุษย์ครับ ตัวหนังในตอนแรกจะชูให้เราเห็นว่า แม้ไอเดียการทำแบบนี้จะเป็นการช่วยมนุษยชาติ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เป็นการทำลายชีวิตมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งไปเหมือนกัน teenager พวกนี้แหละจะได้เรียนรู้ว่า
อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ ความสุข ความทุกข์ ความโกรธ ความห่าม ตัณหา อารมณ์ทางเพศ ความอยากสวีวี่วีกับใครสักคนเป็นเรื่องผิดบาปจนต้องกดเอาไว้จริงหรือไม่ science มันมีแต่ข้อดีจริงหรือเปล่า นี่ยังไม่รวมถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเมืองและการปกครองที่ชวนให้นึกถึงการเมืองไทยนิด ๆ ด้วยนะ
โดยสรุป Voyagers คนอนาคตโลก คือหนังทีนเอจ “High-Concept sci-fi” ที่แตะเรื่องราวได้แต่เพียงบาง ๆ และเล่าด้วยตัวละครที่ดูแบนจนไม่รู้ว่าจะเอาใจช่วยใครได้จริง ๆ เล่าอะไรได้ไม่สุดสักทาง และแถมยังเป๋ไปออกแนวสยองขวัญอีกต่างหาก ถ้าจะดูเอา clever ดูความไฮคอนเซ็ปต์ อาจไม่ค่อยได้อะไร เพราะมันแบนบางเกินกว่าจะดูเอาเรื่องจริง ๆ แต่ถ้าดูเพื่อเอารส เอาความบันเทิง ดูเอาพล็อตล้ำ ๆ งานโปรดักชันที่เข้าขั้นดี ดูเสน่ห์ของ Casting ที่ยังพอมีให้ชม ก็น่าจะพอถูไถก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไปได้จนจบเรื่องนั่นแหละนะครับ
รับชมตัวอย่างหนัง : Voyagers
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim