ออกบ้านไม่ได้ เปิด Netflix ดูการ์ตูน Ghibli ล็อตใหม่ที่มาเพิ่มถึง 7 เรื่อง
เข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคมที่ทาง Netfilx จะปล่อยหนังล็อตที่ 2 ของ Ghibli Studio หลังจากที่ปล่อยล็อตแรกทั้งหมด 7 เรื่องไปแล้วเมื่อเดือนก่อน หลายคนที่ดูจบไปก็สามารถชมล็อตนี้ต่อได้เลย ส่วนใครที่ยังดูไม่จบก็อาจอาศัยช่วงเวลาที่โรงหนังใกล้ปิดให้บริการเพราะสถานการณ์โรงค Covid – 19 เต็มที รวมถึงไม่มีหนังในโรงให้ไปดูด้วยในช่วงนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเก็บหนังของสตูดิโอแอนิเมชันอันดับ 1 ของญี่ปุ่นแบบม้วนเดียวจบ (รอล็อตสุดท้ายอีกในเดือนหน้า)
นอกจากนี้สตูดิโอจิบลิก็ได้ทำการปล่อยซาวด์แทร็กลงใน Spotify , Apple Music , Google Play และ Youtube Music พร้อมให้สตรีม 38 อัลบั้ม รวมทั้งหมด 693 เพลง ซึ่งมีทั้งซาวนด์แทร็กจากภาพยนตร์แอนิเมชั่น 23 เรื่องของสตูดิโอจิบลิ ยกเว้นภาพยนตร์ เรื่อง Grave of the Fireflies หรือที่รู้จักกันดี “สุสานหิ่งห้อย” ในปี 1988 ที่ไม่สามารถปล่อยลงในสตรีมมิ่งได้เพราะทางสูดิโอไม่ได้เป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องดังกล่าว (เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราไม่ได้รับชมกันใน Netflix) ในขณะที่อัลบั้มอื่นๆ ที่ปล่อยสตรีมได้ ก็ยังประกอบด้วยซาวน์แทร็กจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดนิยม เช่น Spirited Away , Kiki”s Delivery Service , Princess Mononoke และ My Neighbor Totoro ใครที่ได้ดูหนังแล้วอินตามก็สามารถไปตามฟังต่อกันได้ หรือหากใครที่ต้องการฟังเพลงสบาย ๆ ในยามพักผ่อนก็ขอแนะนำเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
Nausicaa of the Valley of the Wind : มหาสงครามหุขเขาแห่งสายลม (1984)
เป็นภาพยนตร์ที่เป็นหมุดตัวสำัคญของ จิบลิและผู้กำกับฮายาโอะ มิยาชากิ ที่ส่งผลให้เกิดการก่อตั้งสตูดิโอในเวลาต่อมาดัดแปลงมาจากมังงะเรื่องเดียวกันที่เขียนขึ้นโดยฮายาโอะเอง ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ลงในนิตยสาร Animage ในปี 1982 โดยมีการนำมาตีพืมพ์ยาวนานถึง 13 ปี ความยาวทั้งสิ้น 59 ตอน ภายหลังนำมารวมเล่มเป็นความยาว 7 เล่ม โดยในช่วงแรกฮายาโอะคิดว่าไม่คิดจะนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เพราะคิดว่า ภาพยนตร์ไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวแบบเดียวกับฉบับมังงะได้ ( ทำให้เนื้อหาของทั้งสองเวอร์ชั้นมีความแตกต่างกัน )
Princess Mononoke : เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร ( 1997 )
เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นทุนสร้างสูงสุดของการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นในยุคนั้น เป็นจำนวนเงินถึง 2.35 พันล้านเยน ในตอนแรกฮายาโอะต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงที่ถูกพ่อของเขาบังคับให้แ่งงานกับสัตว์ประหลาด ซึ่งก็จะไปคล้ายกับ Beauty and the Beast ( 1992 ) ของทาง Disney ที่เขาเคยวาดเอาไว้ในหนังสือภาพสีน้ำประกอบคำบรรยาย Mononoke Hime แต่ด้วยความไม่พร้อมบางประการจึงได้ล่มเลิกความคิดนั้นไปนอกจากนี้ Princess Mononoke ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นการ์ตูนที่มีฉากความรุนแรง
My Neighbors the Yamadas : ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา ( 1999 )
ความสุขของ My Neighbors the Yamadas นอกจากจะแฝงไว้ด้วยแง่คิดที่เกิดจากชีวิตประจำวันของเหล่าสมาชิกครอบครัว อีกส่วนหนึ่งยังมีสำเนี่ยงการพูดภาษาถิ่นแบบคันไซ ( Kansai ) ที่ทาคาฮาตะจงใจนำมาใช้เพื่อล้อเลียนตัวละครบางตัวภายในเรื่อง เบื้องหลังงานสร้างของเรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ว่า เปป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางจิบลิที่ผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกทั้งเรื่องที่ผู้กำกับอยากให้งานด้านภาพออกมาคล้ายกับการวาดสีน้ำ ซึ่งไม่สามารถทำแบบนั้นได้หากใช้เทคนิคการวาดด้วยมือ ( Hand – Painted – Cels ) งานส้รางกินเวลาถึง 2 ปีเต็ม ๆ
Spirited Away : มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ( 2001 )
หนังทำรายได้เป็นประวัติศาสตร์ถึง 30,000 ล้านเยน หรือประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัญฯ ครองตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่นอยู่ยาวนานหลายสิบปี ด้านรายได้นอกประเทศหนังก็กวาดรายได้จากทั่วโลกไปอีกกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านรางวัลที่คว้ามาได้นั้น สูงสุดคือการคว้ารางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ ครั้งที่ 75 เมื่อปี 2003 และรางวัล Golden Bear จาก Berlin International Film Festival เมื่อปี 2002
The Cat Returns: เจ้าแมวยอดนักสืบ ( 2002 )
ภาพยนตร์เรื่อง The Cat Returns หรือ Neko no Ongaeshi เป็นผลงานการกำกับของ ฮิโรยูกิ โมริตะ ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่อง Neko no Danshaku , Baron ของ อาโออิ ฮิอิรากิ ซึ่งเป็นคนเขียนคนเดียวกับที่เขียน Whisper of the Heart ที่เป็นฉบับภาพยนตร์มาแล้ว ซึ่ง The Cat Returns ก็เป็นเหมือนส่วนเติมเต็มของเรื่องนั้นอีกทีที่นำตัวละคร “บารอน” และ “มูน” กลับมาให้เห็นกันอีกครั้งในบทอัศวินของฮารุหนังเรื่องนี้แม้จะถูกมองว่าเป็นผลงานคั่นเวลาของสตูดิโอจิบลิ (เพราะไม่ได้กำกับโดยฮายาโอะหรือทาคาฮาตะ) แต่ก็เป็นผลงานของอีกหนึ่งมือดีของจิบลืที่อยู่เบื้องหลัง Kiki’s Delivery และ My Neighbors the Yamadas มาก่อน หนังจะเข้าฉายในปีที่ Spirited Away ได้ออสการ์และสามารถทำรายได้ไป50.59 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
The Secret World of Arrietty : อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว ( 2010 )
The Tale of the Princess Kaguya : ตำนานเจ้าหญิงคางุยะ ( 2013 )
หนังเล่าถึงเรื่องราวตามตำนานโบราณของญี่ปุ่น เปิดเรื่องด้วยสองสามีภรรยายที่ดำรงชีพด้วยการตัดไม้ไผ่ขาย อยู่มาวันหนึ่งสามีได้พบกับมนุษย์จิ๋วขนาดเท่านิ้วมือ แต่งตัวเหมือนเจ้าหญิง ซ่อนตัวอยู่ภายในกระบอกไม้ไผ่ เขาเก็บเธอมาเลี้ยงดูดั่งลูกสาวแท้ๆของเขา หลังนั้นเธอก็เจริญเติบโตเร็วกว่าเด็กปกติ นอกจากนั้นพ่อที่เก็บเธอมาเลี้ยงก็ยังค้นพบของมีค่ามากมายทั้งทอง ผ้าไหม ทำให้เขาเองเชื่อว่า เด็กผู้หญิงคนนี้มีชาติกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะอยู่ที่นี่ เธอจึงถูกนำตัวไปที่เมืองหลวงเกียวโต (เมืองหลวงในเวลานั้น) และได้รับชื่อใหม่เป็น “คางูยะ” ที่แปลว่า แสงที่สุกสกาว
ยิ่งกาลเวลาผ่านไป คางูยะก็ยิ่งจะรู้สึกว่าชีวิตในเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยกฏระเบียบมากมาย ทั้งการที่เธอต้องแต่งหน้าแต่งตัว และประพฤติตนตามแนวทางตามที่สังต้องการจนตัวเธอเองรู้สึกอึดอัดและคิดถึงชีวิตชนบทอันแสนจะเรียบง่ายแต่หนหนังในวันที่เธอเคยมีวามสุขกับเพื่อนๆ และครอบครัว ด้วยรูปโฉมที่งดงาม เธอจึงถูกชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ 5 คนมาสู่ขอเป็นภรรยารวมถึงตกเป็นเป้าหมายขององค์จักรพรรดิที่หมายปองเธอ แต่เธอก็มิอาจที่ตกลงปลงใจรักใครได้ เพราะสักวันหนึ่งคางูยะก็ต้องกลับไปยังจุดกำเนิดของเธอซึ่งอยู่บนดวงจันทร์อันแสนไกลโพ้น
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : Flow เดอะ Film