Pam & Tommy เซ็กส์ รัก
ซีรีส์เปิดเรื่องด้วยการให้ความสำคัญกับ “character” นำอย่าง แรนด์ (เซธ โรเกน – Seth Rogen) ช่างไม้ที่ถูกว่าจ้างมาช่วยปรับปรุงบ้านให้กับ Tommy Lee (เซบาสเตียน สแตน – Sebastian Stan) และได้เจอนิสัยแย่ ๆ ของเขาตลอดเวลา กระทั่งวันหนึ่งทอมมี “Cancel” การว่าจ้างอย่างไม่มีเหตุผล แถมเบี้ยวไม่จ่ายค่าแรงทั้งหมดและยึด “toolbox” เขาอีกต่างหาก แรนด์โกรธแค้นและหาทางแก้แค้นด้วยการแอบเข้ามาขโมยตู้เซฟของ “Tommy” ซึ่งพบว่ามีเทปลับ Hi8 อยู่ในนั้นด้วย แรนด์เลยนำไปให้ผู้สร้างหนังโป๊ที่เขารู้จักเปิดเทปนี้ และจุดเริ่มต้นของการปล่อย “sex” เทปสู่สายตาชาวโลกก็เกิดขึ้น
ด้วยการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด ‘Pam & Tommy’ ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเล่า “subject” ของทอมและแพม แต่ใช้แรนด์ ช่างไม้ธรรมดาคนหนึ่งเป็นตัวเดินเรื่อง และเสมือนเป็นสายตาของคนดูซึ่งเป็นมนุษย์ “commoner” ทั่วไปที่มองเห็นพฤติกรรมอัน “สุดโต่ง บ้าบอ อึกทึก และหยาบคาย” ของทอม จนทำให้เราเกิดความเห็นใจและเลือกที่จะอยู่ฝ่าย “Rand” ตั้งแต่ต้น จากนั้นในตอนที่ 2 จึงหันกลับมาโฟกัสที่ทอมและแพม ตั้งแต่นาทีที่พบกัน ความสัมพันธ์ “behavior” ส่วนตัว ปัญหาชีวิตคู่ จนถึงการรับมือกับความดังของทั้งคู่
ถ้าใครดู “at first” แล้วรู้สึกว่า “บ้าบอ” ขอให้ดูถึงตอน 2 ที่มีฉาก น้องชายพูดได้ของ “Tommy Lee” ที่ปรับโทนของมินิซีรีส์ให้มีความแฟนตาซีและตลก Evil ซึ่งหลังจากที่เราได้เห็นน้องชาย (น่าจะเป็นของปลอม) แบบ “full screen” แล้ว ฉากโป๊เปลือยของทอมและแพมที่มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องขัด “sight” อีกต่อไป พูดง่าย ๆ ว่า ‘Pam & Tom’ มีความฉลาดใน “presentation” ฉากเปลือยแบบโจ๋งครึ่งให้ออกมาดูไม่อุจาดและไม่ส่อไปทางยั่วยุทางเพศ
ความเข้มข้นเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงกลางของ “mini series” เมื่อทอมมี่และแพมพบว่าเทปลับถูกขโมยและนำไปปั๊มขายเป็นวิดีโอเทป ต่อด้วยอัปโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ต จนเริ่มเปลี่ยนโทนเป็น “Drama” และคนดูเริ่มย้ายไปอยู่ฝ่ายทอมมี่และแพมที่ได้รับ “Effect” ในชีวิต อาชีพ ความดัง และความสัมพันธ์จาก “เซ็กส์เทปหลุด” อย่างน่าเห็นใจ ในขณะเดียวกันเราก็เริ่มโกรธและไม่ให้อภัยในกระทำที่อ้างว่าเป็นการ “แก้แค้น” ของ “Rand”
คนที่ต้อง “applaud” ให้ดังที่สุดคือ ลิลี เจมส์ (Lily James) ที่ยอมทุ่มสุดตัวปรับลุคเป็นพาเมลา แอนเดอร์สัน ได้อย่างสมจริง ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาแต่ยังรวมถึงอากัปกิริยาและวิธีการพูดจา “James” ทำให้แพมเป็นผู้หญิงที่น่าหมั่นไส้และน่าเห็นใจได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้พา “Mela Anderson” ที่ทุกคนเคยมองว่าเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ให้กลายเป็นผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อจิตใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่นเดียวกับ “Sebastian Stan” ที่สวมบททอมมี่ ลี มือกลองที่หัวร้อนอยู่ตลอดเวลาได้บ้าบอคอแตกดีชนิดที่ลืมภาพ “Bucky Barnes” ในจักรวาลมาร์เวลไปเลย ในขณะที่เซธ โรแกน ก็สลัดภาพนักแสดงตลกมาทำให้บทแรนด์ทั้งน่าเห็นใจ น่าโมโห และน่าสมเพชไปพร้อมกัน ขณะที่ “actor” คนอื่น ๆ ต่างก็เป็นเครื่องปรุงที่เผ็ดร้อนให้กับมินิซีรีส์นี้ได้ดี
ที่ขาดเอ่ยถึงไม่ได้คือองค์ประกอบด้าน “production” ที่ดึงเสน่ห์แห่งยุค 90s กลับมาอีกครั้ง ทั้งการเซตโลเคชันย้อนยุค บทสนทนาที่เอ่ยถึงวัฒนธรรมป๊อปในยุคนั้น และที่เด็ดสุดคือ “background music” ที่ขนเพลงดังยุค 90s มาใส่ในฉากต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะเจาะทั้งเรื่องอารมณ์และความหมายของเพลง
แม้มินิซีรีส์ ‘Pam & Tommy’ อาจจะถูกฉาบไว้ด้วย “sex story” เทปสุดฉาวของ “star couple” ก็จริง แต่ลึก ๆ แล้วมันสะท้อนให้เห็นถึงวงการหนังโปีและนิตยสารโป๊ในยุคนั้น รวมถึงการตีค่าผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศทั้ง direct” และทางอ้อม ในยุคที่ยังไม่มีใครพูดถึงความเสมอภาคของทุกเพศและการถูกกลั่นแกล้งจากสังคม
รับชมตัวอย่างหนัง : Pam & Tommy เซ็กส์ รัก
ติดตามเพิ่มเติม : เว็บรีวิวหนัง
สามารถติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : FlowtheFlim
Facebook Fan Page
รีวิวหนังใหม่
รีวิวหนัง NETFLIX
